การเลือกอาหารตามช่วงอายุ

อาหารมีทั้งประโยชน์และให้โทษต่อร่างกาย การรับประทานอาหารควรให้เหมาะสมกับวัยและความต้องการของร่างกาย ในช่วงวัยรุ่นมักไม่เลือกรับประทานอาหารมากเท่าไหร่แต่ถ้าไม่ระวังให้ดีก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ยิ่งอายุมากขึ้นข้อจำกัดในการรับประทานอาหารก็มากขึ้นตาม ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับวัยก็มีความสำคัญ ดังนั้นเรามาดูกันว่าความต้องการสารอาหารในแต่ละวัยเป็นอย่างไรบ้าง

 

ช่วงอายุ 20  ปีขึ้นไป

เป็นช่วงที่มีการใช้พลังงานมาก ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน และการออกกำลังกาย รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันในกิจกรรมต่างๆ ร่างกายจะเผาผลาญมาก ความต้องการพลังงานก็ยิ่งมากขึ้นตามอาหารที่ควรเลือกรับประทาน

1. รับประทานอาหารที่ให้พลังงานจำพวกแป้งและข้าว รวมไปถึงเนื้อสัตว์และถั่วต่างๆ

2.นมและอาหารที่ให้แคลเซียมสูงเช่น ปลาตัวเล็ก ตัวน้อย เต้าฮู้ นมถั่วเหลือง

3. ผักและผลไม้ ผักใบเขียวได้แก่ ผักบุ้ง  ผักกระเฉด ผักคะน้า ถั่วฝักยาว ล้วนให้ประโยชน์ต่อร่างกาย หรือผลไม้ที่มีสีเหลืองเช่นกล้วยหอม มีส่วนช่วยคลายความเครียด

 

ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป

เป็นวัยที่เริ่มต้นระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหาร เพราะอาจส่งผลต่อรูปร่างได้ ช่วงนี้ต้องเริ่มระมัดระวังไขมันและคลอเรสเตอรอลให้มากขึ้น

1.  ควรเลือกรับประทานอาหารจำพวกข้าว เช่นข้าวซ้อมมือ หรือข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ขนมปังโฮลวีท ซึ่งอาหารประเภทนี้มีกากไยสูงทำให้อิ่มนานและส่งผลดีต่อลำไส้ด้วย

2.ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่นถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วเขียว ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และมีโปรตีนสูง

3.เลือกรับประทานอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลต่ำ ไม่ควรรับประทานอาหารมันๆ หมูสามชั้น กระทิ หรือเนยเทียม อาจส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือดได้

4. เลือกรับประทานอาหารประเภทปลาทะเล เพราะจะช่วยลดไขมันและคลอเรสเตอรอลได้

 

ข่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป 

ช่วงนี้จะเริ่มมีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเยือน การรับประทานอาหารก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นตาม

1.ช่วงวัยนี้ความต้องการพลังงานจะลดลง และความต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่ทีแคลเซียมสูงเช่นนมแต่ควรเลือกนมที่มีไขมันต่ำ หรือปลาตัวเล็กน้อย

2. ความต้องการวิตะมินเพิ่มขึ้น ควรรับประทานผักผลไม้และที่สำคัญผักผลไม้ที่มีกากไยสูงก็จะส่งผลดีต่อระบบลำไส้ และรับประทานอาหารที่มีวิตะมินซีสูงเพราะวิตะมินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยได้ อาหารที่มีวิตะมินซีสูงได้แก่ ส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะเขือเทศ แคนตาลูป

3. อาหารที่ให้วิตะมินอี ได้แก่น้ำมันพืช ถั่วลิสง อัลมอนด์ ช่วยลดความเครียด ชะลอวัยและช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้

4.ไม่ควรรับประทานอาหารที่ทอดและมีน้ำมันมากเพราะ จะส่งผลเกิดคลอเรสเตอรอลได้ง่าย

 

ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป

เป็นช่วงที่ร่างกายมีความถดถอย ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้น้อยลง โดยเฉพาะการย่อยอาหารและการดูดซึม ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง

1.วัยนี้มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนดังน้้นควรรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ โดยให้แคลเซียมประมาณ 1200-1500มิลิกรัมต่อวัน ซึ่งมีในนม ถั่วเหลือง ปลาตัวเล็ก เต้าฮู้ และผักใบเขียว

2. รับประทานอาหารให้ครบ5 หมู่และหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานมาก รับประทานอาหารประเภทแป้งให้น้อยลง และเน้นอาหารจำพวกปลาให้มากขี้น การเลือกรับประทานปลาเพราะปลาเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย

3.ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ  8- 12 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันการขาดน้ำเพราะในวัยนี้อาจจะไม่ค่อยแสดงอาการกระหายน้ำแต่อาจจะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว

4. หลีกเลี่ยงการดื่มชาและกาแฟ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ

 

ช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ( เข้าสู่วัยสูงอายุ )

1. ยังคงต้องการแคลเซียมสูงประมาณ 1200-1500มิลิกรัม

2.หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูงและไขมันสูงงดอาหารประเภทของทอด 

3. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด เพราะจะทำให้โซเดียมสูง ส่งผลให้ความดันสูงและอาจเกิดโรคไตได้

4.รับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลให้น้อยลงเพราะอาจส่งผลให้เกิดโรคอ้วนและนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวานได้

5.ในวัยนี้จะไม่ค่อยมีความอยากกระหายน้ำ ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ  8- 12 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันความเข้มข้นของเลือด

 

ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร การดูแลรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การดูแลรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วนไปหรือผอมไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะหากเราควบคุมอาหารก็สามารถป้องกันโรคได้ระดับหนึ่งอย่างที่เขาว่า " you are what you eat"