เป็นเบาหวานไม่รู้ตัว

   

เป็นเบาหวานไม่รู้ตัว

 

เบาหวาน เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลง เนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานาน และทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาทได้ ซึ่งในคนปกติก่อนรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือดประมาณ 70-110 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หลังจากรับประทานอาหารแล้ว 2 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลจะอยู่ที่ประมาณ 140 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงไม่มาก อาจจะไม่มีอาการ

 

การวินิจฉัยโรคเบาหวาน ทำได้โดยการเจาะเลือด ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วยเบาหวานสามารถเจาะเลือดด้วยเครื่องตรวจที่ทำได้ด้วยตนเองแล้ว

 

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปัจจุบันคนที่ป่วยเป็นเบาหวาน มีมากกว่า 3 ล้านคน และที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ ผู้ที่เข้ารับการรักษากว่าครึ่ง ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าป่วยเป็นเบาหวาน 

 

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือป่วยเป็นโรคเบาหวานมานาน หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจตีบอื่นๆ เช่น สูบบุหรี่ กรรมพันธุ์ จากเครือญาติที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ไขมันสูง มีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ และโรคแทรกซ้อนทางตา

 

ควรระมัดระวังดูแลตนเองด้านอาหารการกิน ออกกำลังกายแบบพอดีไม่หักโหมจนเกินไป หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายบางประเภทที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับยาฉีดอินซูลิน และควรป้องกันแผลอันอาจเกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย เพราะนอกจากแผลจะหายยากแล้ว อาจเกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นอีกได้

 

ในกลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นเบาหวาน ด้านประวัติครอบครัว มีพ่อแม่ พี่ หรือน้อง ป่วยโรคเบาหวาน ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือด แม้ว่าจะยังไม่มีอาการก็ตาม รวมถึงในกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น

 

-คนที่มีรูปร่างอ้วน หรือมีน้ำหนักเกิน 20% ของน้ำหนักปกติ

-ผู้ที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป

-ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากกว่า 140/90

 

มีวิธีตรวจสอบที่ทำได้ง่ายและสะดวกที่สุด คือ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออ่านค่าเลือดว่า ปกติ สูงไป หรือต่ำไป นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

 

นอกจากการดูแลสุขภาพด้านอาหารการกิน การพักผ่อน ออกกำลังกายแล้ว การมีเครื่องมือช่วยตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่ใช้งานง่าย ก็ทำให้สะดวกในการตรวจสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน หรือกลุ่มเสี่ยง การป้องกัน หรือรู้ทันระดับน้ำตาลในเลือด ย่อมดีกว่าเป็นเบาหวาน เมื่อมีข้อสงสัย หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวทันที

         

 ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก