5 วิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร

 

5 วิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร

 

สมองเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกายของคนเราที่มีความสำคัญมาก เปรียบเหมือนกองบัญชาการควบคุมระบบต่างๆ ในร่างกายมากมายหลายระบบ ทั้งระบบความคิด ความจำ อารมณ์ พฤติกรรม และรักษาความสมดุลของระบบภายในร่างกาย เช่น ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย

 

สมองของคนเรามีการพัฒนาตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า เซลล์ของระบบประสาทสมองจะเพิ่มขึ้นถึง 200,000-300,000 เซลล์ในทุกๆ นาที จนถึงเวลาที่เด็กคลอดออกมาจากครรภ์มารดาเด็กก็จะมีเซลล์สมองเกือบจะสมบูรณ์เหมือนกับวัยผู้ใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งได้ประมาณไว้ว่าเมื่อเด็กอายุได้ 2 - 3 ขวบ สมองของเขาจะมีขนาดประมาณ 80% ของผู้ใหญ่ แต่เป็นธรรมดาที่เมื่อสมองมีการเจริญเติบโตแล้วก็ต้องมีเวลาที่สมองนั้นจะเข้าสู่ภาวะที่เสื่อมถอย

 

จากงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ทิโมธี ซอล์ตเฮาส์ จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าสมองมนุษย์จะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 27 ปี หลังจากพัฒนาถึงจุดสูงสุดเมื่ออายุ 22 ปี ดังนั้น คนเราจึงเกิดความวิตก และพยายามหาวิธีการต่างๆ นานามาช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง วันนี้ผู้เขียนจึงขอหยิบยกวิธีป้องกันสมองไม่ให้เสื่อมก่อนวัยอันควรมานำเสนอ ดังนี้

 

1. อาหารบำรุงสมอง

 

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์ทางเลือกหลายคนให้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องอาหารบำรุงสมองไว้หลายอย่าง เช่น ผัก ผลไม้ น้ำมันปลา เนื้อปลา และควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 - 5 ลิตร เพราะการดื่มน้ำน้อยจะทำให้ร่างกายขาดน้ำซึ่งจะส่งผลต่อสมองโดยทำให้สมองทำงานเฉื่อยช้าลง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่และสารเสพติดต่างๆ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการทำลายสมองให้เสื่อมเร็วมากขึ้น

 

2. ออกกำลังกายช่วยให้สมองแข็งแรง

 

การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายแข็งแรงแล้วยังเปรียบเหมือนยาขนานเอกในการบำรุงสมองอีกด้วย การส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกาย เช่น เดิน วิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ จะมีผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก

 

ชาร์ล ฮิลแมน และคณะแห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ได้ทำการทดลองโดยให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาจำนวน 259 คน ออกกำลังกายแล้วตรวจสอบว่าความแข็งแรงของร่างกายมีความสัมพันธ์กับผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์และวิชาอ่านอังกฤษหรือไม่ ปรากฏว่า เด็กนักเรียนที่มีร่างกายแข็งแรงมีคะแนนดี ดังนั้น ความแข็งแรงของร่างกายจึงสัมพันธ์กับสมองที่ฉลาดขึ้น

 

นอกจากนี้มีการทดลองกับผู้สูงอายุวัย 60-70 ปีโดยการสแกนสมองพบว่าการออกกำลังกาย เช่นเดินเร็วหรือแอโรบิคสามารถเสริมสร้างสมองส่วนหน้า (frontal lobe) ให้มีปริมาตรมากขึ้น จึงทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น จึงส่งผลดีในเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจ การบริหารจัดการ การวางแผน การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมถึงสามารถตอบคำถามถูกต้องมากขึ้นและเร็วขึ้นด้วย

 

3. พักผ่อนช่วยให้สมองผ่อนคลาย

 

เวลาที่เราเกิดความเครียดจะทำให้เกิดฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายคนเราคือฮอร์โมนเครียดชื่อคอร์ติซอล ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายโดยเฉพาะสมอง มีผลทำให้ระบบความคิดของสมองตีบตัน และความจำเสื่อมได้ ดังนั้นถ้าเราต้องพบกับเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียน เรื่องการงาน ปัญหาครอบครัวหรือปัญหาใดก็ตามแต่ สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือ เราต้องหาเวลาส่วนตัวในการพักผ่อนเพื่อให้สมองได้รับการผ่อนคลาย เช่น การนอนอยู่กับบ้าน การไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ การได้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ป่าเขาลำเนาไพร หรือการไปดูหนังฟังเพลง จะทำให้สมองมีความสุขได้รับการผ่อนคลาย เมื่อสมองผ่อนคลาย ร่างกายก็จะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีอารมณ์เบิกบาน มีความสุขและส่งผลให้สมองแจ่มใส พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

4. ให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

 

การทำสิ่งที่จำเจซ้ำซากอยู่ทุกวันทุกคืน มีผลทำให้สมองฝ่อเร็ว แต่การเปิดโอกาสให้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะเป็นการช่วยฝึกให้สมองได้ออกกำลัง เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการขับรถใหม่ การอ่านหนังสือเล่มใหม่ การไปยังสถานที่แปลกใหม่ การทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น ไปเรียนดนตรี ไปเรียนจัดดอกไม้ ไปเรียนทำขนม เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมองจะหลั่งสารโดปามีน และสารเอ็นโดฟิน ซึ่งทำให้สมองเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ทำให้สมองแข็งแรงและเสื่อมช้าลง

 

5. เซ็กซ์สร้างความสดชื่นให้สมอง

 

เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่สร้างความตื่นเต้นและความสุขให้แก่คู่รัก มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าเซ็กซ์ในผู้สูงอายุช่วยกระตุ้นให้สมองเสื่อมช้าลง ดังนั้น การมีเซ็กซ์ที่ดีกับคู่รักหรือคู่สมรสนับเป็นกิจกรรมที่เป็นการออกกำลังสมองได้ดีมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างสุข ท้าทาย ตื่นเต้น ใช้จินตนาการและมีการเคลื่อนไหวของทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งทำให้วงจรของสมองทุกระบบมีการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้และเรียนรู้ได้ดี นอกจากนี้การที่คู่รักปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางเพศให้มีความแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ เช่น สร้างบรรยากาศด้วยการเปิดเพลง การนวดสัมผัสกันด้วยน้ำหอม การเปลี่ยนสถานที่มีเซ็กซ์ ก็จะสร้างความสุขได้มากขึ้นด้วย

 

ทุกข้อทุกประการที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีง่ายๆ ที่เชื่อว่าสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สมองของเราเสื่อมก่อนวัยอันควร ดูแลสมองของเราวันละนิดรับรองว่าจะช่วยยืดเวลาแห่งความสุขของเราไปได้อีกยาวนาน

 

 ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ โดย ดร.แพง ชินพงศ์