4 ข้อยอดฮิตเข้าใจผิดการใช้ยา

 

4 ข้อยอดฮิตเข้าใจผิดการใช้ยา

 

สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) ชวนคนไทยหันมาใส่ใจวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของยา โดยเฉพาะยาพื้นฐานอาทิ ยาหม่อง ยาแก้ไอ และยาคุมกำเนิดเป็นต้น ซึ่งมักจะใช้บ่อยๆ แต่กลับใช้แบบผิดๆ จึงอยากรณรงค์ให้คนไทยใช้ยาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดี

 

ภญ.รศ.ดร.บุษบา จินดาวิจักษณ์อุปนายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โดยปกติคนไทยเป็นคนที่มีนิสัยง่ายสบายๆ  อยู่แล้ว เมื่อจำเป็นต้องใช้ยาสามัญประจำบ้านที่คุ้นเคย จึงอาศัยความเคยชินและความคุ้นเคยในการใช้ยามากกว่าการอ่านฉลาก อีกทั้ง นิสัยคนไทยยังเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อนหรือผู้มีประสบการณ์จึงใช้ยาตามคำบอกเล่าของบุคคลต่างๆ โดยมักไม่อ่านฉลากยาเช่นกัน

 

4 ข้อหลักๆ ที่เป็นความเข้าใจผิดยอดฮิตเกี่ยวกับการใช้ยาที่มักพบบ่อย มีดังนี้

 

1. ทายาหม่องทันทีเมื่อฟกช้ำ : เป็นเรื่องเคยชินเมื่อเกิดหกล้ม กระทบกระแทกจนได้แผลบวมฟกช้ำดำเขียวและปวด คนส่วนใหญ่ จะหยิบยาหม่องขึ้นมาถูนวดบรรเทาอาการทันที แต่แท้จริงแล้ว เมื่อร่างกายได้รับแรงกระแทก เส้นเลือดฝอยบริเวณผิวหนังจะขาดทำให้มีเลือดคั่งเกิดขึ้น ก่อให้เกิดอาการบวมและปวด ซึ่งหากทายาหม่องทันทีจะทำให้บวมมากขึ้น เพราะเมื่อขี้ผึ้งเสียดสีกับร่างกาย โดยการถูนวดจะทำให้เกิดความร้อนจะส่งผลให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวเลือดจึงยิ่งมาคั่งบริเวณนั้นมากขึ้น ทำให้บวมยิ่งขึ้นอีกด้วย การรักษาที่ถูกต้อง ควรใช้ผ้าเย็นประคบ เพื่อทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว แล้วอาการบวมจะยุบลงอย่างรวดเร็วอีกทั้งความเย็นยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงด้วย หลังจากนั้น จึงทายาหม่องที่มีตัวยาระงับอาการเจ็บปวด ลดอักเสบ

 

2. ยาแก้ไอกินคนเดียวจิบจากขวดสะดวกดี : ไม่ควรจิบยาแก้ไอจากขวดโดยตรงเพราะเชื้อโรคจากปากและคอจะลงไปปนในขวดยาได้ นอกจากนี้ ขนาดยาที่ได้รับในแต่ละครั้งจะไม่เท่ากันเพราะจะจิบเล็กจิบใหญ่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะผู้ป่วยบางรายจะจิบยาแก้ไอทุกครั้งเมื่อไอ อาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด แม้อาจไม่เป็นอันตรายร้ายแรงนักแต่หากเป็นยาแก้ไอที่มีตัวยาโคดีอีนเป็นส่วนผสมหรือยาแก้ไอน้ำดำ หากจิบอึกใหญ่เกินไป หรือถี่เกินไป อาจจะได้ปริมาณยามากเกินไปจนอาจกดการหายใจได้ นอกจากนี้ยาแก้ไอที่มีตัวยาโคดีอีนหรือยาแก้ไอน้ำดำยังมีอาการข้างเคียงส่งผลให้ง่วงนอนและมึนงงได้ จึงต้องหลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักร จักรเย็บผ้าขับรถ การใช้ยาที่ถูกต้อง ควรใช้ช้อนมาตรฐานตวงยารับประทานทุกครั้ง และมีช่วงห่าง 4-6 ชั่วโมงให้แน่นอน (1 ช้อนชา เท่ากับ 5 ซีซี,3ช้อนชา เท่ากับ 1 ช้อนโต๊ะ)

 

3. ลืมกินยามื้อหนึ่งรวบยอดไปมื้อถัดไป : เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง การกินยาแบบรวบยอดไปมื้อถัดไป อาจส่งผลให้ได้รับยาเกินขนาด โดยเฉพาะในกลุ่มที่กินยาปฏิชีวนะหรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้นเพราะหากระดับยาในเลือดสูงๆ ต่ำๆ จะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร การใช้ยาที่ถูกต้อง

 

หากลืมกินยามื้อหนึ่งควรกินทันทีเมื่อนึกได้แต่ไม่ควรรวบเป็น 2 เท่าในมื้อถัดไป และควรกินยาอย่างสม่ำเสมอทุกวันตามเวลาที่กำหนดเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด

 

อีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อย คือ ผู้ป่วยลดหรือเพิ่มขนาดยาเองตามความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นอยากหายไวๆ รู้สึกอาการดีขึ้นแล้ว คิดว่ากินยาแล้วไม่ได้ผล เป็นต้น ในกรณีนี้ผู้ป่วยควรรู้ว่าที่อาการผู้ป่วยดีขึ้นนั้นเป็นผลมาจากขนาดยาที่แพทย์สั่งให้นั้นเหมาะสมแล้ว การใช้ยาที่ถูกต้อง ควรกินยาตามขนาดที่แพทย์สั่งเท่านั้น อ่านฉลากทุกครั้งก่อนกินยาเพราะแพทย์อาจมีการปรับขนาดยาจากที่เคยได้รับ

 

4. ลืมกินยาคุมกำเนิดบางวันคงไม่เป็นไร : ในกรณีนี้หากลืมกินยาคุมกำเนิดให้รีบกินทันทีที่นึกได้ แต่ไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมงนับจากเวลาที่กินปกติ เพราะอาจทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลืมกินในช่วง 7-10 เม็ดแรก ควรหยุดยาและเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดเป็นการใช้ถุงยางอนามัยหลังจากหยุดยาแผงนั้นและมีเลือดประจำเดือนออกแล้ว ก็เริ่มยาแผงใหม่ได้ แต่หากลืมกินในเม็ดที่ 15 ของแผงไปแล้ว อาจไม่ส่งผลต่อการคุมกำเนิด แต่อาจมีผลข้างเคียงทำให้เลือดออกกะปริดกะปรอยได้ การใช้ยาที่ถูกต้อง ควรกินยาอย่างสม่ำเสมอทุกวันและตรงเวลาเพื่อให้มีระดับยาในเลือดสม่ำเสมอลดโอกาสที่จะมีเลือดออกและการคุมกำเนิดจึงจะได้ผลเต็มที่

 

การใช้ยามีเคล็ดลับง่ายๆ เพียงใช้ตามที่ฉลากเขียนไว้ ใช้ตรงเวลา ไม่ขาดยาหากไม่เข้าใจหรือมีข้อสงสัยให้ปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้ยาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณเอง

 

"โดยปกติคนไทยเป็นคนที่มีนิสัยง่ายสบายๆ อยู่แล้วเมื่อจำเป็นต้องใช้ยาสามัญประจำบ้านที่คุ้นเคยจึงอาศัยความเคยชินและความคุ้นเคยในการใช้ยามากกว่าการอ่านฉลาก"

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า